น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รายงานค่าเงินบาทเช้าวันที่ 9 พ.ย.65 แข็งค่าผ่านแนว 37.00 มาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หรือเกือบ 2 เดือน ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 36.82-36.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเวลา 9.20 น. เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 37.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียแข็งค่าขึ้น สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังคงเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการคาดการณ์ว่า พรรครีพับลิกันกำลังมีแต้มต่อเหนือพรรคโดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการผลักดันนโยบายของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ไม่จำเป็นต้องเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน นอกจากนี้เงินบาทยังอาจมีแรงหนุนจากเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 36.80-37.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทิศทางฟันด์โฟลว์ สถานการณ์สกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะเงินหยวน ข้อมูล CPI และ PPI ของจีน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว +0.56% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ยังคงออกมาดีกว่าคาด แม้ว่าผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

แต่ผลสำรวจส่วนใหญ่ที่คาดว่า พรรครีพลับริกันจะกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ นั้น ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลโอกาสที่พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเดินหน้าคุมเข้มภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ รวมถึงการปรับขึ้นภาษีบริษัทเอกชน อย่างไรก็ดี มองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังไม่ปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนจนกว่าจะรับรู้ผลการเลือกตั้งว่าพรรครีพลับริกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ได้ตามคาด

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.78% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ อาทิ ASML +5.2%, Adyen +2.7% ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปยังคงเป็น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ ท่าทีของรัฐบาลยูเครนที่เริ่มส่งสัญญาณอยากให้มีการเจรจาสันติภาพก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ผู้เล่นลดความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้บ้าง

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับไม่ได้ช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแต่อย่างใด กลับกันมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า หากพรรครีพลับริกันกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ก็อาจกดดันการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยิ่งสนับสนุนโอกาสที่เฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยมุมมองดังกล่าวได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.13%

ในฝั่งตลาดค่าเงิน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากพรรครีพลับริกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ได้กดดันให้เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงหลุดโซนแนวรับสำคัญที่ 110 จุด สู่ระดับ 109.6 จุด นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นแรงสู่ระดับ 1,713 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใกล้กับโซนแนวต้าน ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรทองคำและเราคาดว่าโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้

สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอาจมีไม่มากนัก โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เพื่อประเมินความต้องการใช้พลังงาน ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตาม เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังจากที่ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณในการประชุม FOMC ล่าสุด ว่าเฟดอาจเริ่มพิจารณาชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่การขึ้นดอกเบี้ยก็ยังจะต้องดำเนินต่อไปจนกว่าเฟดจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้

อนึ่ง อีกปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ (the US Midterm Election) ซึ่งอาจใช้เวลาในการนับคะแนนพอสมควร ทำให้กว่าที่จะทราบผลเป็นแน่ชัดว่า พรรคไหนจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนและวุฒิสภาอาจจะใช้หลายวัน ทำให้ตลาดการเงินอาจผันผวนไปตามผลการเลือกตั้งเบื้องต้นได้

ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า การแข็งค่าอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่คาดของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ที่กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน อาจทำให้ภาพในเชิงเทคนิคัลของเงินบาทเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น ซึ่งหากตลาดยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อ เงินบาทก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับใหม่แถว 36.80-36.90 บาทต่อดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทล่าสุด อาจทำให้ในเชิงจิตวิทยา ผู้ส่งออกบางส่วนอาจปรับลดระดับของเงินบาทเพื่อรอขายเงินดอลลาร์ โดยอาจมีการรอขายเงินดอลลาร์ในช่วง 37.50-37.70 บาทต่อดอลลาร์ จากช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่จะรอแถว 38.00 บาทต่อดอลลาร์หรือสูงกว่านั้น ทำให้โซนแนวต้านของเงินบาทจะขยับลงมา

“ควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดการเงินจากรายงานผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ รวมถึงไฮไลท์สำคัญอย่างรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯนี้ ซึ่งมองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะการถือครองที่ชัดเจนก่อนจะรับรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ และรายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง